ประมาณก่อนปี พ.ศ. 2517 มีกลุ่มคนอพยพมาจากจังหวัดนครนายก เนื่องจากถูกทางราชการปราบปรามห้ามตัดไม้บริเวณที่อาศัยอยู่เดิม ซึ่งเป็นเขตป่าเขาใหญ่ในปัจจุบันนี้ และประสบปัญหาไข้ป่าระบาดรุนแรง จึงอพยพลงมาจากเขาตั้งถิ่นฐานริมลำน้ำลำตะคอง (ซึ่งเป็นบริเวณบ้านขนงพระใต้ในปัจจุบัน) อพยพมารวมอยู่ด้วยกลายเป็นคนกลุ่มใหญ่ ตั้งถิ่นฐานเป็นหมู่บ้าน และสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นโดยมีพระสงฆ์รูปหนึ่งเป็นผู้นำและเป็นที่เคารพนับถือของคนกลุ่มนี้ ต่อมาในระยะหลังเกิดโรคไข้ป่า (มาลาเรีย) ระบาดหนักพระภิกษุที่เป็นผู้นำได้มรณภาพลง ประชาชนกลุ่มนี้ได้จัดเผาศพตามประเพณี แต่บริเวณใบหน้าและคิ้วไฟไม่ไหม้ และนำไปทำพิธีเป็นอย่างอื่น ชุมชนกลุ่มนี้จึงเรียกตนเองว่า กลุ่มขนงพระ (แปลว่าคิ้วพระ) และอพยพแยกย้ายกันไปขึ้นไปตอนเหนือของลำตะคอง ซึ่งเรียกตนเองว่ากลุ่มบ้านขนงพระใต้ บ้านขนงพระกลาง บ้านขนงพระเหนือ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2430 ทางราชการโดยอำเภอจันทึก (ต่อมาเปลี่ยนเป็นอำเภอสีคิ้ว) ได้ยกกลุ่มบ้านดังกล่าวเป็นตำบลขนงพระ พ.ศ. 2449 ชาวขนงพระได้สร้างสำนักสงฆ์ขึ้น (บริเวณวัดขนงพระใต้ในปัจจุบัน) และสร้างอุโบสถขึ้นในปีนี้ด้วย ต่อมาทางราชการกำหนดและประกาศเป็นเขตอุโบสถถาวรเมื่อ วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2457 และรวมเอากลุ่มคนที่อยู่บริเวณช่องเขา มาขึ้นอยู่กับตำบลขนงพระด้วย ซึ่งต่อมาเรียกบริเวณดังกล่าวว่าบ้านปากช่อง และมีคนอพยพมาอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2482 ทางราชการยุบตำบลขนงพระให้ขึ้นกับตำบลจันทึก และอำเภอจันทึกเปลี่ยนเป็นอำเภอสีคิ้ว ใน พ.ศ. 2492 บ้านปากช่องถูกยกฐานะเป็นตำบลปากช่องและรวมเอาคนกลุ่มขนงพระขึ้นอยู่กับตำบลปากช่องด้วย ใน พ.ศ. 2513 กลุ่มขนงพระถูกยกฐานะเป็นตำบลอีกครั้งหนึ่ง มี 16 หมู่บ้าน (นายเปลี่ยน อินสุข เป็นกำนัน) พ.ศ. 2526 แยกอีก 6 หมู่บ้านของตำบลขนงพระ เป็นตำบลหนองน้ำแดง ตำบลขนงพระจึงมีเพียง 10 หมู่บ้าน และ พ.ศ. 2538 ถูกยกฐานะเป็น องค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ ในปัจจุบัน
|